บทความ

นิทานพื้นบ้าน เรื่อง ลิลิตรพระลอ

รูปภาพ
  นิทานพื้นบ้าน เรื่อง ลิลิตรพระลอ ท้าวแมนสรวงเป็นกษัตริย์ของเมืองแมนสรวง พระองค์มีพระมเหสีทรง พระนามว่า  “นาฏบุญเหลือ”  ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสมีพระนามว่า  “พระลอดิลกราช”  หรือเรียกกันสั้นๆว่า  “พระลอ”  มีกิตติศัพท์เป็นที่ร่ำลือกันว่าพระองค์นั้นทรงเป็นชายหนุ่มรูปงามไปทั่วสารทิศจนไปถึงเมืองสรอง ( อ่านว่า เมืองสอง ) ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกปกครองโดยท้าวพิชัยวิษณุกร พระองค์มีพระนามว่า  “พรดาราวดี”  และพระองค์ทรงมีพระธิดาผู้เลอโฉมถึงสองพระองค์พระนามว่า  “พระเพื่อน”  และ  “พระแพง”  พระเพื่อนและพระแพงได้ยินมาว่าพระลอเป็นชายหนุ่มรูปงาม ก็ให้ความสนใจยากจะได้ยล พี่เลี้ยงของพระเพื่อนและพระแพงคือนางรื่น และนางโรยสังเกตเห็นความปราถนาของนายหญิงของตนก็เข้าใจในพระประสงค์ สองพี่เลี้ยงจึงอาสาจะจัดการให้นายของตนนั้นได้พบกับพระลอ โดยการส่งคนไปขับซอในนครแมนสรวง และในขณะที่ขับซอนั้นจะไห้นักดนตรีพร่ำพรรณนาถึงความงามของเจ้าหญิงทั้งสอง ในขณะเดียวกันนั้นพี่เลี้ยงทั้งสองก็ได้ไปหาปู่เจ้าสมิงพราย เพื่อที่จะให้ช่วยทำเสน่ห์ให้พระลอหลงใหลในเจ้าหญิงทั้งสอง เ...

นิทานพื้นบ้านไทย เรื่อง พระนางจามเทวี

รูปภาพ
  นิทานพื้นบ้านไทย เรื่อง พระนางจามเทวี มีพระมเหสีของเจ้าเมืองอโยธยาองค์หนึ่ง ชื่อ” พระนางจามเทวี ” เป็นราชธิดาของกษัตริย์กรุงละโว้ ซึ่งได้ยกพระธิดาให้เจ้าเมืองอโยธยา พระนางก็ได้มาอยู่ที่กรุงอโยธยาจนกระทั่งกษัตริย์กรุงอโยธยาเสด็จสวรรคต พระนางจามเทวีจึงได้ปกครองกรุงอโยธยา เมื่อปกครองแล้วข้าราชบริพาร ทหาร เสนา อำมาตย์ต่างๆ ไม่พอใจในพระนาง ก็เลยคิดการจับพระนางจามเทวี และสถาปนาราชวงศ์ลูกหลานของพระเจ้าแผ่นดินองค์เดิมขึ้นครองกรุงอโยธยาแทน ส่วนพระนางจามเทวีนี้ก็ถูกเนรเทศให้ไปครองเมืองที่ไกล พระนางได้ไปอยู่ที่ เมืองลำพูน  แต่เรียก” หริพุญชัย ” พระนางได้ประสูติพระโอรสเป็นฝาแฝด 2 คนด้วยกัน เมื่อประสูติพระโอรสแล้ว พระนางจามเทวีก็คิดจะสร้างอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่งเพื่อเป็นอนุสรณ์ ก็เลยสร้างเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่เมืองหริภุญไชย (ปัจจุบันเรียกว่าเจดีย์หริภุญไชย) เจดีย์นี้เป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของเมือง หริพุญชัย (ปัจจุบันคือ เมืองลำพูน) ส่วนพระโอรส 2 พระองค์เมื่อเจริญวัยขึ้นมา พระนางส่งโอรสขึ้นทางทิศตะวันออก และสร้างเมืองขึ้นคือ “เมืองเขลางนคร (ปัจจุบันคือ ลำปาง)” จากตำนานเรื่องนี้วิเคราะห์ได้ว่...

นิทานเรื่อง ปู่ตั๋วหลาน (ปู่โกหกหลาน)

รูปภาพ
  นิทานเรื่อง ปู่ตั๋วหลาน (ปู่โกหกหลาน) ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว …ขณะที่กุดจี่สองตัวผัวเมียกำลังช่วยกันกลิ้งเบ้า (ลูกดินกลมๆที่ห่อหุ้มไข่กุดจี่) ไปตามทางผ่านหน้าหมาตัวหนึ่ง …หมาสงสัยก็ถามว่า “ จะพากันไปไหน ” กุดจี่ตอบว่า “ จะไปเมืองลังกา ” (กรุงลงกา ในเรื่องรามเกียรติ์) หมาก็ยิ่งสงสัยว่า “ ไปทำอะไรหรือ ” กุดจี่ตอบว่า “ ได้ข่าวว่าเมืองลงกาถูกหนุมานเผาเมืองไหม้วอดวายหมด รวมทั้งครกที่ตำอาหารก็ไหม้ จะเอาเบ้าไปทำครกถวายพระเจ้าเมืองลังกา ” หมายิ่งงงและถามไปอีกอย่างดูถูกดูแคลน “ ว่าจะไปถึงเร้อ?…แล้วเบ้าแค่นี้จะทำครกได้อย่างไรกัน ” กุดจี่ตอบทันควันว่า “ นี่กะว่าจะไปกินงายเมืองลังกาโน่นแหละวันนี้ (หมายถึง จะไปให้ทันกินข้าวเช้า) แล้วก้อนดินนี้จะปาดออกให้เป็นครก ๓ ใบก็ได้  “ …หมาได้ฟังก็งึดมาก (งึดนี้ แปลว่า งงหรือแปลกใจอย่างสุดๆเลย) …ตั้งแต่นั้นมาหมาไม่กินกุดจี่เลย โดยถือว่ากุดจี่มีความสามารถมากกว่าตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว…หมาทุกตัวจะเมินไม่ยอมกินกุดจี่ ไม่ว่าจะตัวสด หรือคั่ว ทอดจนสุกแล้วก็ตาม …ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า…จริงๆแล้วจะเป็นเพราะหมาไม่ถูกกับกลิ่นขี้ควายหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้...

นิทานพื้นบ้าน เรื่อง โสนน้อยเรือนงาม

รูปภาพ
  นิทานพื้นบ้าน เรื่อง โสนน้อยเรือนงาม ที่” นครโรมวิสัย ” มีกษัตริย์ครองอยู่ มีพระราชธิดาที่สวยงามมาก พระราชธิดานี้เมื่อประสูติมีเรื่อนไม้เล็กๆ ติดมือออกมาด้วย เรือนนี้เมื่อพระธิดาเจริญวัยขึ้น เรือนไม้นี้ก็โตขึ้นด้วยและกลายเป็นของเล่นของพระราชธิดา พระบิดาจึงตั้งชื่อพระราชธิดาว่า “ โสนน้อยเรือนงาม ” เมื่อโสนน้อยเรือนงามมีพระชนม์พรรษาได้สิบห้าพรรษา โหรทูลพระบิดาว่าโสนน้อยเรือนงามกำลังมีเคราะห์ ควรให้ออกไปจากเมืองเสีย เพราะจะต้องอภิเษกกับคนที่ตายแล้ว พระบิดาและพระมารดาก็จำใจให้โสนน้อยเรือนงามออกไปจากเมืองแต่ผู้เดียว โสนน้อยเรือนงามปลอมตัวเป็นชาวบ้านและเอาเครี่องทรงพระราชธิดาห่อไว้ พระอินทร์สงสารนางจึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวมามอบยาวิเศษสำหรับรักษาคนตายให้ฟื้นได้ โสนน้อยเรือนงามเดินทางเข้าไปในป่าพบ “ นางกุลา ” หญิงใจร้ายนอนตายเพราะถูกงูกัด โสนน้อยเรือนงามจึงนำยาของชีปะขาวมารักษา นางกุลาก็ฟื้น นางจึงขอเป็นทาสติดตามโสนน้อยเรือนงาม ที่ “ นครนพรัตน์ ” เมืองใกล้เคียงโรมวิสัย มีกษัตริย์ครองอยู่มีพระราชโอรสนามว่า “ พระวิจิตรจินดา ” ซึ่งเป็นชายหนุมรูปงามและมีความสามารถ แต่วันหนึ่งพระวิจิตรจินดาถูกง...

นิทานพื้นบ้านไทย เรื่อง ไชยเชษฐ์

รูปภาพ
  นิทานพื้นบ้านไทย เรื่อง ไชยเชษฐ์ “ ท้าวอภัยนุราช ” เจ้าเมืองเวสาลี มีพระธิดาองค์หนึ่ง พระนามว่า “ นางจำปาทอง ” เพราะเมื่อนางร้องไห้จะมีดอกจำปาทองร่วงลงมา ครั้นนางจำปาทองเจริญวัยขึ้น นางได้นำไข่จระเข้จากสระในสวนมาฟักจนเป็นตัวและเลี้ยงจระเข้ไว้ในวัง ครั้นจระเข้เติบใหญ่ขึ้น ก็ดุร้ายตามวิสัยของมัน มันเที่ยวไล่กัดชาวเมืองจนชาวเมืองเดือดร้อนไปทั่ว ท้าวอภัยนุราชทรงขัดเคืองจึงขับไล่นางจำปาทองออกจากเมืองเวสาลี “ นางแมว ” ซึ่งเป็นแมวที่นางจำปาทองเลี้ยงไว้ได้ติดตามนางไปด้วย นางจำปางทองกับนางแมวเดินซัดเซพเนจรอยู่ในป่า ไปพบยักษ์ตนหนึ่งชื่อ “ นนทยักษ์ ” ซึ่งกำลังจะไปเฝ้าท้าวสิงหลนางตกใจกลัวจึงวิ่งหนีไปพบพระฤๅษี พระฤๅษีช่วยนางไว้ นางจำปาทองกับนางแมวจึงขออาศัยอยู่รับใช้พระฤๅษีในป่านั้น “ ท้าวสิงหล ” เป็นยักษ์ครองเมืองสิงหล ไม่มีโอรสและธิดา …คืนหนึ่งท้าวสิงหลบรรเทาหลับและทรงพระสุบินว่า มียักษ์ตนหนึ่งมาจากป่านำดอกจำปามาถวาย ดอกจำปามีสีเหลืองเหมือนทองคำงามยิ่งนัก ท้าวสิงหลจึงทรงให้โหรทำนายพระสุบิน โหรทำนายว่าท้าวสิงหลจะได้พระธิดา วันนั้นนนทยักษ์เข้าเฝ้าท้าวสิงหลและทูลว่าพบหญิงสาวอาศัยอยู่กับพระฤๅษี...

เรื่อง จันทโครพ (เวอร์ชั่นฉบับย่อ)

รูปภาพ
  เรื่อง จันทโครพ (เวอร์ชั่นฉบับย่อ) “ เจ้าชายจันทโครพ ” แห่งเมืองพาราณสี …เมื่อเขาเติบโตเป็นหนุ่มได้ออกแสวงหาอาจารย์เพื่อรำเรียนวิชา …แล้วได้เจอกับพระฤๅษี ได้ร่ำเรียนวิชาจากท่านจนสำเร็จ จากนั้นจึงได้เดินทางกลับบ้านเมืองของตน …แต่ก่อนที่จะออกเดินทางฤๅษีได้มอบผะอบแก้วให้ …แล้วสั่งกำชับว่าห้ามเปิดจนกว่าจะถึงบ้านเมือง …แต่จันทโครพได้เสียสัตย์แอบเปิดผอบนั้นเสียก่อน …ซึ่งในผะอบมี “ นางโมรา ” ได้ปรากฏตัวออกมา จันทโครพก็ได้พานางโมราเดินทางต่อไป …แต่ระหว่างทางได้พบกับโจรป่า ซึ่งเห็นนางโมราเข้าจึงคิดแย่งชิง …จันทโครพก็ถูกโจรป่าฆ่าตาย (นางโมราเห็นจันทโครพตาย ก็ย่อมไม่ได้ตำแหน่งอัครมเหสีจึงไปอยู่กับโจรป่า เพราะจันทโครพสัญญาว่าจะมอบตำแหน่งอัครมเหสีให้) แต่จันทโครพยังไม่ถึงความตาย พระอินทร์จึงมาชุบชีวิตให้จันทโครพ …แล้วบอกว่าเนื้อคู่ที่แท้จริงอยู่ทางทิศเหนือ แล้วพระอินทร์ก็สาปนางโมราให้เป็นชะนี (โจรป่าคิดว่าวันหนึ่งถ้านางโมราได้เจอคนอื่นที่ดีกว่าตน จะต้องทิ้งตนไปแน่ เพราะขนาดจันทโครพผู้ที่เป็นถึงองค์ชายนางยังทิ้งได้ ดังนั้นโจรป่าจึงหนีไป นางโมราจึงออกตามหาโจรป่า) …จันทโครพได้เดินทางไปทางที่พระอ...

เรื่อง ยายกับตา (ยายกะตา)

รูปภาพ
เรื่อง ยายกับตา (ยายกะตา) ยายกะตาปลูกถั่วปลูกงาให้หลานเฝ้า  หลานไม่เฝ้า  กามากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน  ยายกะตายายมายายด่า ตามาตาตี  หลานร้องไห้ไปหานายพราน ขอให้ช่วยยิงกา  กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน  ยายมายายก็ด่า ตามาตาก็ตี  นายพรานตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า” หลานจึงไปหาหนู ขอให้ช่วยกัดสายธนูนายพราน นายพรานไม่ช่วยยิงกา กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน ยายมายายด่า ตามาตาตี หนูตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า” หลานจึงไปหาแมว ขอให้แมวช่วยกัดหนู หนูไม่ช่วยกัดสายธนูนายพราน นายพรานไม่ช่วยยิงกา กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน ยายมายายด่า ตามาตาตี แมวตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า” หลานจึงไปหาหมา ขอให้ช่วยกัดแมว แมวไม่ช่วยกัดหนู หนูไม่ช่วยกัดสายธนูนายพราน นายพรานไม่ช่วยยิงกา กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน ยายมายายด่า ตามาตาตี หมาตอบว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า” หลานจึงไปหาไม้ค้อนให้ย้อนหัวหมา หมาไม่ช่วยกัดแมว แมวไม่ช่วยกัดหนู หนูไม่ช่วยกัดสายธนูนายพราน นายพรานไม่ช่วยยิงกา กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนาน ยายมายายด่า ตามาตาตี ไม้ค้อนตอบว่า “ไม่ใช่กง...

นิทาน เรื่อง กระต่ายตื่นตูม

รูปภาพ
  นิทาน เรื่อง กระต่ายตื่นตูม กาลครั้งหนึ่ง กระต่ายตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นตาล  ขณะที่นอนหลับอยู่นั้น เกิดพายุใหญ่ ทำให้ลูกตาลหล่นลงที่พื้นดิน เกือบถูกกระต่าย  กระต่ายตกใจตื่นขึ้น คิดว่าฟ้าถล่ม ไม่ทันได้ไตร่ตรอง ลุกขึ้นได้ก็วิ่งไปอย่างสุดกำลัง เพราะกลัวความตาย สัตว์อื่น ๆ เห็นกระต่ายวิ่งมาจนเต็มกำลังดังนั้น  จึงถามกระต่ายว่า “นี่ท่านวิ่งหนีอะไรมา” กระต่ายวิ่งพลางบอกพลางว่า  “ฟ้าถล่ม” สัตว์เหล่านั้นได้ฟังกระต่ายบอก ไม่ทันคิด สำคัญว่าฟ้าถล่มจริง ก็พากันวิ่งตามกระต่ายไป หกล้ม ขาหัก แข้งหัก โดนต้นไม้ ตกเหวตายบ้างก็มี ส่วนที่ยังเหลือก็พากันวิ่งหนีต่อไปอีก จนกระทั่ง มาพบพญาราชสีห์ตัวหนึ่ง เป็นสัตว์มีปัญญา เห็นสัตว์ทั้งหลายพากันวิ่งมาไม่หยุดไม่หย่อน จึงร้องถามว่า… “พวกท่านวิ่งหนีอะไรมา”  กระต่ายจึงเล่าเรื่องให้ราชสีห์ฟัง  ราชสีห์ก็เข้าใจทันที จึงถามต่อไปว่า  “ฟ้าถล่มที่ตรงไหน จงพาเราไปดูสักที” พอไปถึงใต้ต้นตาลที่กระต่ายนอน พญาราชสีห์พิเคราะห์ดู เห็นลูกตาลตกอยู่ที่โคนต้น ก็เข้าใจว่าที่แท้เป็นลูกมะตูมตกลงบนใบตาลแห้ง…จึงเกิดเสียงดัง จนเจ้ากระต่ายคิดว่...

นิทานพื้นบ้านไทย เรื่อง สังข์ทอง

รูปภาพ
  นิทานพื้นบ้านไทย เรื่อง สังข์ทอง “ ท้าวยศวิมล ” มีมเหสีชื่อ” นางจันท์เทวี ” มีสนมเอกชื่อ “ นางจันทาเทวี ” …พระองค์ไม่มีโอรสธิดาจึงบวงสรวงและรักษาศีลห้าเพื่อขอบุตร …และประกาศแก่พระมเหสีและนางสนมว่าถ้าใครมีโอรสก็จะมอบเมืองให้ครอง อยู่มานางจันท์เทวีทรงครรภ์ เทวบุตรจุติมา เป็นพระโอรสของนาง แต่ประสูติมาเป็น” หอยสังข์ ” …นางจันทาเทวีเกิดความริษยาจึงติดสินบนโหรหลวงให้ทำนายว่าหอยสังข์จะทำให้บ้านเมืองเกิดความหายนะ ท้าวยศวิมลหลงเชื่อนางจันทาเทวี จึงจำใจต้องเนรเทศนางจันท์เทวีและหอยสังข์ไปจากเมือง …นางจันท์เทวีพาหอยสังข์ไปอาศัยตายายช่าวไร่ ช่วยงานตายายเป็นเวลา 5 ปี พระโอรสในหอยสังข์แอบออกมาช่วยทำงาน เช่น หุงหาอาหาร ไล่ไก่ไม่ให้จิกข้าว เมื่อนางจันท์เทวีทราบก็ทุบหอยสังข์เสีย ในเวลาต่อมา พระนางจันทาเทวีได้ไปว่าจ้างแม่เฒ่าสุเมธาให้ช่วยทำเสน่ห์เพื่อที่ท้าวยศวิมลจะได้หลงอยู่ในมนต์สะกด และได้ยุยงให้ท้าวยศวิมลไปจับตัวพระสังข์มาประหาร ท้าวยศวิมลจึงมีบัญชาให้จับตัวพระสังข์มาถ่วงน้ำ แต่ท้าวภุชงค์(พญานาค) ราชาแห่งเมืองบาดาลก็มาช่วยไว้ และนำไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ก่อนจะส่งให้นางพันธุรัตเลี้ยงด...

นิทาน เรื่อง คนแจวเรือจ้างกับนักศึกษา

รูปภาพ
  นิทาน เรื่อง คนแจวเรือจ้างกับนักศึกษา มีนักศึกษาผู้คงแก่เรียนคนหนึ่ง ได้ทำการว่าจ้างเรือแจวให้พาข้ามฟาก ในขณะที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดูมืดครึ้ม และลมเริ่มพัดจนน้ำเกิดเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ เรือแจวได้แล่นไปอย่างช้าๆ จนเมื่อเรือได้เข้าสู่กระแสน้ำอันเชี่ยวกราด คนแจวเรือจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ส่วนฝ่ายนักศึกษานั้นกำลังนั่งก้มหน้าหนังสือเล่มใหญ่อยู่ จนในที่สุดนักศึกษาก็ได้เงยหน้าขึ้นมาจากตำราแล้วมองไปยังคนแจวเรือและพูดคุย “ลุงๆ เคยอ่านหนังสือประวัติศาสตร์บ้างไหม?”  นักศึกษาเอ่ยถามขึ้น “ไม่เคยเลยครับ”  คนแจวเรือจ้างตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา นักศึกษาจึงพูดขึ้นว่า  “ถ้างั้นลุงก็พลาดโอกาสเสียแล้วหละ ในหนังสือประวัติศาสตร์นะลุง เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าอ่าน มีเรื่องของกษัตริย์และพระราชินีในสมัยอดีต รวมถึงเรื่องของสงคราม การต่อสู้ ทำให้เราสามารถรู้ว่าคนในสมัยโบราณ ใช้ชีวิตกันแบบไหน แต่งกายกันอย่างไร ประวัติศาสตร์จะบอกให้ได้รู้ถึงความเจริญและความเสื่อมลงของชนชาติต่างๆ ทำไมลุงไม่อ่านประวัติศาสตร์บ้างเล่า?” “ผมไม่เคยเรียนหนังสือครับ”  คนแจวเรือตอบ ในเวลานั้นคนแจวเร...